นายเกิดพงษ์ พนาสิทธิ์

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

10 อันดับ “รถยนต์แพงที่สุด” ประจำปี 2012

     นิตยสาร “ฟอร์บส์” เปิดโผรถยนต์ใหม่ป้ายแดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในปี 2012 (พิจารณาจากราคาจำหน่ายมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา)
อันดับที่ 10 พอร์ช 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)
   รถสปอร์ต (ไฮบริด) สายพันธุ์เยอรมันคันนี้ มีราคาจำหน่าย $845,000 (กว่า 26 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.4 ลิตร ขุมพลัง 500 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวที่ให้ขุมพลัง 218 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.1 วินาที
อันดับที่ 9 เอสเอสซี ทัวทาร่า (SSC Tuatara)
     รถสปอร์ตสัญชาติอเมริกันคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.8 ลิตร ให้ขุมพลังเต็มเปี่ยมที่ 1,350 แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.5 วินาที ค่าตัวอยู่ที่ประมาณ $970,000 (กว่า 30 ล้านบาท)
อันดับที่ 8 เฮนเนสซี่ย์ เวนอม จีที (Hennessey Venom GT)
     รถยนต์อเมริกันคันนี้มีค่าตัวราว $1 ล้าน (กว่า 31 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V8 ขุมพลัง 1,200 แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.5 วินาที
อันดับที่ 7 ปากานี่ ไวร่า (Pagani Huayra)
 
     รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์อิตาลีคันนี้มีค่าตัว $1.3 ล้าน (เกือบ 41 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V12 ของเมอร์เซเดส เบนซ์ ที่ให้ขุมพลัง 700 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.5 วินาที
อันดับที่ 6 มายบัค แลนเดาเล็ต (Maybach Landaulet)  
 
     รถเปิดประทุนสุดหรูจากเยอรมนีคันนี้ มีค่าตัว $1.4 ล้าน (เกือบ 44 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V12 620 แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 5.2 วินาที
อันดับที่ 5 แอสตัน มาร์ติน วัน-77 (Aston Martin One-77 )
 
     ซูเปอร์คาร์เมืองผู้ดีคันนี้มีค่าตัวเท่ามายบัค แลนเดาเล็ตที่ $1.4 ล้าน (เกือบ 44 ล้านบาท) โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.3 ลิตร ที่ให้พลัง 750 แรงม้า และมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.7 วินาที
อันดับที่ 4 คอนิกเส็กก์ อาเกียร่า อาร์ (Koenigsegg Agera R)
      ซูเปอร์คาร์จากประเทศสวีเดนคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่มาพร้อมขุมพลัง 1,115 แรงม้า โดยมีอัตราเร่งตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9 วินาที ค่าตัวอยู่ที่ $1.7 ล้าน (กว่า 53 ล้านบาท) และถ้าอยากได้เวอร์ชั่นคาร์บอนไฟเบอร์ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก $270,000 (เกือบ 8.5 ล้านบาท)
อันดับที่ 3 เซนโว เอสที วัน (Zenvo ST1)
     รถสปอร์ตสุดหรูจากประเทศเดนมาร์กคันนี้ มีค่าตัวสูงถึงคันละ $1.8 ล้าน (กว่า 56 ล้านบาท) โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขุมพลัง 1,250 แรงม้า อัตราเร่งตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9 วินาที
 อันดับที่ 2 เฟอร์รารี่ 599 เอ็กซ์เอ็กซ์ (Ferrari 599XX)
      สุดยอดรถสปอร์ตสายพันธุ์อิตาลีคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ให้ขุมพลัง 700 แรงม้า และมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9 วินาที ค่าตัวของรถรุ่นนี้ไม่มีการประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ แต่ลือกันว่าน่าจะมากกว่า $2 ล้าน (มากกว่า 63 ล้านบาท) เห็นค่าตัวแพงขนาดนี้ ขอบอกว่านำมาวิ่งบนท้องถนนไม่ได้ (ต้องซิ่งในสนามแข่งรถเท่านั้น) ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ทางเฟอร์รารี่จะจำหน่ายให้กับผู้ที่ได้รับคำเชิญ (ให้ไปซื้อ) เท่านั้น
อันดับที่ 1  บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต (Bugatti Veyron Supersport) 
     สุดยอดรถยนต์จากแดนน้ำหอม “บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต” มาพร้อมค่าตัวที่สูงถึง $2.6 ล้าน (กว่า 81 ล้านบาท) รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ W16 ที่ให้ขุมพลังสูงถึง 1,200 แรงม้า และมีอัตราเร่งสูงสุดตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.4 วินาที



PORSCHE 911 สปอร์ตเข้มแรงดุดัน

     ยนตรกรรมสปอร์ตยอดนิยมจากแดนยุโรป PORSCHE 911 Carrera กับการเปลี่ยนลุคใหม่ล่าสุดของรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวของไฟหน้าและตัวถังที่ยาวขึ้น อีกทั้งดีไซน์ที่ได้รับการลงลึกในรายละเอียดทุกชิ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเจ้าชายกบแบบสปอร์ต 911 ที่ไม่ผิดเพี้ยน และเข้มข้นกับขุมพลังอันร้อนแรงและความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง

     ด้วยขนาดฐานล้อขยายให้มีความกว้างมากขึ้นกว่า 100 มิลลิเมตร และลดระดับความสูงตัวรถให้ต่ำลง เพื่อรับกับการติดตั้งล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว และช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับรูปทรงที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันเสริมรูปลักษณ์ภายนอกกับความเป็นรถยนต์สปอร์ตยอดนิยม ออกแบบด้านหน้าให้มีมิติที่กว้างขึ้นเพื่อสร้างความโดดเด่นทำให้ 911 Carrera ใหม่ มีสมรรถนะการทรงตัวดีเยี่ยม กระจกมองข้างออกแบบใหม่ติดตั้งเข้ากับด้านบนของตัวประตูรถ ช่วยให้ทัศนวิสัยในการมองที่ดีขึ้นและความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ย้ำให้เห็นถึงการออกแบบที่ลงตัวและสร้างความประทับใจให้กับสายตาของผู้พบเห็น

     ด้วยตัวรถที่มีน้ำหนักเบาจากการใช้เหล็กผสมกับอะลูมิเนียมประสิทธิภาพเยี่ยม น้ำหนักตัวรถลดลงกว่า 45 กิโลกรัม และตัวรถมีความกว้างขึ้น สปอยเลอร์หลังได้รับการขยายเพิ่มประสิทธิภาพให้สมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้การยกตัวที่เกิดจากลมทางด้านล่างลดลง เพื่อความลงตัวและเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่มีความทันสมัย